Apa khabar Malaysia? : สบายดีนะมาเลเซีย

Voyage

  • Pen: ทัวร์แมร์
  • Lens: ทัวร์แมร์ & Aomy Swift

Posted: 29 March 2018

Apa khabar Malaysia?
สบายดีนะมาเลเซีย

PEN: ทัวร์แมร์     LENS: ทัวร์แมร์ & Aomy Swift

- ทริปนี้เริ่มต้นขึ้นด้วยเงิน 1,200 บาท -

อันที่จริงมันเริ่มมาจากความเสี้ยนในการท่องเที่ยว-ซึ่งเป็นอาการปกติหลังจากจบทริปเที่ยวมาหมาดๆ ของเรา ในเดือนพฤศจิกายนปี 2016 ตอนที่ภวังค์ของความสุขจากการเที่ยวญี่ปุ่นกำลังมอมเมาเราได้ที่ ฉันกับน้องตุ๊ดคู่เที่ยวยังสลัดความโหยหาความอยากในการพบสิ่งใหม่ๆ ออกไปไม่ได้ ประจวบเหมาะกับตอนนั้นเองที่สายการบินโปรดปล่อยโปรฯ ออกมาครั้งใหญ่

    เราเห็นตั๋วเครื่องบินไป-กลับระหว่างเชียงใหม่และกัวลาลัมเปอร์ในงบแค่ 1,200 บาท ตาก็ลุกวาว...ถูกกว่าเชียงใหม่-กรุงเทพแบบนี้มันจะไม่ไปเลยเหรอวะ

    ตัดภาพมาในเดือนกรกฎาคมของปีต่อมา รู้ตัวอีกทีรอบตัวเราเต็มไปด้วยคนหลากหลายเชื้อชาติและภาษา ณ สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ เราวางแผนกันไว้ว่าจะอยู่มาเลเซียสี่วัน ใช้เวลากับเมืองสองเมืองคือปีนัง-ที่ซึ่งเป็นจุดหมายในใจที่เราสัญญาว่าจะไปให้ได้สักครั้ง-สองวัน ส่วนอีกสองวันที่เหลือก็ร่อนเร่ในเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์


  
 เราต่อเครื่องไปปีนังตั้งแต่วันแรก (ด้วยงบประมาณเพียงเที่ยวละ 200 บาท-ใช่ ดิฉันก็ตกใจค่ะ) นึกถึงปีนัง คนส่วนมากมักจะนึกถึงสตรีทอาร์ทอันแสนโด่งดัง รวมไปถึงย่านเมืองพหุวัฒนธรรมเก่าแก่ที่ถูกยกให้เป็นมรดกโลก หากนอกจากความน่าชื่นชมเหล่านั้น เรายังเจอความน่ารักหลายๆ อย่างที่ซ่อนไว้ในหลายๆ มุมเมือง 

    ที่นี่ฉันเจอร้านขายของกินเสียบไม้เรียกว่า “ลกลก” ที่เปิดเพลงไมเคิล แจ๊คสัน แถมยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าต้มเองยืนกินเองหน้าร้าน เจอลุงเจ้าของรถอู่รถเช่าที่แต่งตัวเหมือนคนไร้บ้านแต่ถือเงินเป็นกำ ผู้โวยวายใหญ่ตอนเราไม่ใส่หมวกกันน็อคเปียกน้ำ แต่แกก็ใจดีพอที่จะให้หมวกใบใหม่กับเรามาใช้ เจอลุงคนขับรถชาวไทยที่วานให้ถ่ายรูปกับสตรีทอาร์ท เขาขอบคุณเราด้วยคำแนะนำให้กินของหวานชื่อดังที่สุดในปีนังอย่างเชนเด้า เจอก๊กหนุ่มฮอตที่จะเราจะไม่มีวันมองหาได้ในเชียงใหม่ เจอซุปอัลมอนด์ที่กลิ่นเหมือนพลาสติกเหลว (กินได้แค่สองคำก็วางชาม) 





    ในขณะที่สองวันหลังในกัวลาลัมเปอร์ เรารู้สึกเหมือนอยู่กรุงเทพฯ ที่เสียงจ้อกแจ้กจอแจของผู้คนน้อยกว่า แต่เจริญมากกว่า เราเจอนักกีฬาโปโลน้ำทีมชาติไทยที่เพิ่งชนะมาหมาดๆ โดยบังเอิญตอนกำลังเดินชมตึกแฝดอันโด่งดัง ได้ขึ้นรถไฟฟ้าผิดสามรอบติดต่อกัน (โชคดีมากที่ค่าโดยสารไม่แพงเลย) รวมไปถึงการพบกับคนขับอูเบอร์ที่ถกกับฉันในประเด็นที่อูเบอร์ถูกกีดกันในไทย และเขาคือคนที่สอนให้ฉันพูดคำว่าอัปป้ากะบ้า

    อัปป้ากะบ้า แปลว่า สบายดีไหม



ถ้าถามว่ามาเลเซียเป็นยังไง ฉันคงจำกัดความให้ฟังไม่ได้ เพราะฉันมั่นใจว่าที่นี่คืออีกหนึ่งที่บนโลกที่คลาคล่ำไปด้วยความแตกต่าง ทั้งผู้คน อาหาร เชื้อชาติ ภาษา และจิตวิญญาณ ฉันได้เรียนรู้ความต่างจากคำศัพท์ใหม่ เรียนรู้แนวคิดผ่านวิถีของการแต่งตัวและบทสนทนา เรียนรู้ว่าสิ่งที่ผิดในบางแห่ง ไกลออกไปไม่กี่กิโลอาจเป็นสิ่งที่ถูก เรียนรู้ว่าความผิดแปลกนั้นจริงๆ มันคือความแตกต่าง

    ความแตกต่างที่เปลี่ยนการมองโลกของเราไปโดยสิ้นเชิง ความแตกต่างที่ทำให้เราตระหนักได้เสมอว่าเราเป็นแค่จุดเล็กๆ...เล็กมากจริงๆ ของโลกใบนี้

    และความแตกต่างนี้เองที่ทำให้ทุกอย่างสวยงาม ไม่มีดี ไม่มีแย่ มีแค่ความไม่เหมือนกัน

    สำหรับฉัน นี่แหละคือเหตุผลที่เราควรเดินทาง

    เพราะความสวยงามของมันคุ้มค่าที่จะได้พบเจอเหลือเกิน