Pundin Resort & Art : Art Stay

Pundin Resort & Art
 Art Stay พักผ่อนและเสพย์งานศิลป์กลางขุนเขาที่รีสอร์ทแบบ Art Stay

ประโยคสั้นๆ ที่พาเรามุ่งหน้ามาตามถนนเส้นสะเมิง เลี้ยวเลาะตามหุบเขาที่สองข้างทางเต็มไปด้วยสีเขียวเข้มของต้นไม้ยามเหมันต์มาเยือน เนินเขาที่อยู่แนบชิดติดลมหายใจ ความสงบเงียบของธรรมชาติปราศจากการปรุงแต่งที่ไม่ต้องเงี่ยหูฟังก็ได้ยิน ห่างไกลจากความวุ่นวายในเมือง สายลมและแสงแดดของธรรมชาติคล้ายจะชำระล้างจิตใจเราให้สะอาด

ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเพียงประมาณชั่วโมงกว่าเราก็มาถึง ปั้นดิน รีสอร์ท แอนด์ อาร์ท ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี ที่นี่เปิดมากว่า 4 ปี แล้ว ความพิเศษคือทุกอย่างถูกสร้างด้วยสองมือ และแรงคนล้วนๆ ภายใต้การดูแลของคุณอาร์ม - อนันต์ พรมมาวาณิชยกุล เจ้าของที่พักแสนใจดี







เมื่อเราเดินเข้ามาภายในบริเวณที่พัก คุณอาร์มพาเราสำรวจโซนต่างๆ ของที่นี่ โดยแบ่งเป็นโซนที่พักซึ่งจะมีบ้านพักทั้งหมด 7 หลัง โซนแคมป์ปิ้ง โซนบาร์ที่มีเปลญวณแขวนห้อยระหว่างต้นไม้และระเบียงซึ่งเป็นอีกหนึ่งแลนมาร์คของที่นี่ และแกลอรี่งานศิลปะ ความพิเศษที่เราสังเกตโดยรอบคือศิลปะจากลายเส้นทั้งหลายจะแทรกตัวตกแต่งอยู่ตามที่ต่างๆ ทั้งห้องพัก อาคาร สระน้ำ บาร์ และแกลอรี่ ซึ่งคุณอาร์มเป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้นมา ตามไอเดียการสร้างรีสอร์ทของปั้นดินที่อยากให้เรื่องราวของศิลปะและงานอาร์ตอยู่ควบคู่ไปกับการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ







“อยากให้ศิลปะทำงานกับคน พยายามจะให้มีพื้นที่ทำงานศิลปะ แต่ก็พยายามให้บาลานซ์กัน คือยังมีความเป็นส่วนตัวในการเข้ามาพักด้วย เราไม่ได้บังคับให้เขามาเสพย์งานอาร์ต” คุณอาร์มกล่าวกับเรา

ความพิเศษของบ้านพักที่นี่คือ ทุกหลังจะไม่มีแอร์ คุณอาร์มให้สาเหตุว่าไม่อยากให้มีเสียงรบกวนเสียงแมลงและธรรมชาติ นอกจากนั้น บ้านพักทั้ง 7 หลัง จะตกแต่งต่างกัน แต่ทั้งหมดจะสอดแทรกเรื่องราวของศิลปะที่น่าสนใจ และมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นห้องน้ำของที่นี่จะไม่มีหลังคา ทำให้สามารถอาบน้ำใต้แสงดาวและลมหนาวได้ ห้องพักก็จะไม่ได้ปิดหลังคาทึบ แต่จะมีพื้นที่เปิดโล่งให้สามารถนอนดูดาวบนฟ้าพร่างพราวได้ในยามค่ำคืน สิ่งอำนวยความสะดวกสบายๆ อื่นๆ ก็มีครบครัน ทั้งโทรทัศน์ ไวไฟ พัดลม และน้ำอุ่น









 ยิ่งเราฟังเรื่องเล่าของคุณอาร์มเรายิ่งทึ่ง รีสอร์ทแห่งนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นแบบ ‘แฮนด์เมด’ ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ บ้านทุกหลัง ทุกโซน ค่อยๆ ถูกบรรจงสร้าง และต่อเติมขึ้นมาทีละนิด โดยไม่มีเครื่องมือ ไม่มีเครื่องทุ่นแรง ไม่มีรถแมคโคร ใดๆ ทั้งสิ้น

                “เอาของเก็บแล้วพักผ่อนกันก่อนนะครับ เดี๋ยวผมเข้าเมืองไปซื้อของก่อน แล้วตอนเย็นเรามานั่งล้อมวงทานข้าวด้วยกัน” คุณอาร์มบอกกับเรา



เมื่อแสงอาทิตย์ค่อยๆ โรยราพร้อมกับอุณหภูมิในฤดูหนาวที่ลดลง เสื้อกันหนาวก็ถูกคว้าจากเป้มาสวมใส่ ยิ่งอยู่ท่ามกลางขุนเขาแบบนี้ อากาศก็ยิ่งสดชื่น ทั้งยังปราศจากแสงสี และเสียงรถราที่วุ่นวายในเมือง เรารู้สึกราวกับว่าพลังธรรมชาติของที่นี่ค่อยๆ ถูกส่งต่อเข้ามายังร่างกายให้เราซึมซับ และเราเริ่มรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ทีละนิด

                ในที่สุดท้องฟ้าก็ถูกกลืนเป็นสีดำ เสียงแมลงหรีดหริ่งดังชัด เสียงไฟจากกองฟืนปะทุ ความอบอุ่นกระจายรอบๆ วงสนทนาและอาหารเย็นของเราบนบาร์ที่ถูกปูเสื่อ และตั้งเตาย่างหมูกระทะ อุณหภูมิลดระดับเหลือเพียงสิบกว่าองศา คุณอาร์มบอกว่าหลังสี่ทุ่มไฟบนบาร์นี้จะถูกปิด เพื่อให้ผู้เข้ามาพักได้มองเห็นดาวที่พร่างพราวกระจายแต่งแต้มบนท้องฟ้า ลมหนาวพัดหวิวแต่เรากลับรู้สึกอบอุ่นในรอบกองไฟนี้ บทสนทนาและเสียงดนตรีทั้งหลายพรั่งพรูกรุ่นไอความสุขที่คละเคล้าภายใต้ดาวดาวที่กระจายเกลื่อนฟ้า และแสงจันทร์นวลที่สาดส่อง





หลังมื้อเย็น เราทุกคนนั่งจับเจ่าอยู่บนบาร์กว้าง ไฟสีส้มที่ดูอบอุ่นจากแกลอรี่สะท้อนออกมาสลัวๆ ท่ามกลางความมืดเข้มข้นของท้องฟ้า เจ้าเหมียว ‘ติสต์แตก’ ของรีสอร์ทที่คลอเคลียอยู่ไม่ไกล บางช่วงเราเว้นจังหวะเงียบ เงยหน้ามองท้องฟ้า บางคนอาจอธิษฐานต่อดวงดาวในใจ ราวกับว่าทุกคำขอจะเป็นจริง ณ ที่แห่งนี้

ที่ที่ชีวิตและธรรมชาติกลมกลืนราวกับเป็นสิ่งเดียวกัน





ปั้นดิน รีสอร์ท แอนด์ อาร์ท ชาร์ตพลังจากการพักผ่อน ศิลปะ และธรรมชาติให้เราอย่างเต็มที่ ก่อนที่วันรุ่งขึ้นเราจะต้องสูดหายใจลึกอีกครั้ง ทิ้งความสงบของธรรมชาติในเมืองสะเมิงไว้เบื้องหลัง และกลับเข้าสู่ชีวิตจริงที่กำลังรอท่า
 

 
ปั้นดิน รีสอร์ท แอนด์ อาร์ท
ตำบล สะเมิงใต้ อำเภอ สะเมิง เชียงใหม่
Tel. 0988067198
Facebook : Pundin Resort & Art
เวลาเช็คอิน : 14.00 น. เวลาเช็คเอาท์ 12.00 น.